วันพฤหัสบดีที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2556

Work 4 สรุปความรู้ที่ได้ในชั่วโมงเรียน 25 มิ.ย 56

          ภาษา หมายถึง กริยาอาการที่แสดงออกมาแล้วสามารถทำความเข้าใจกันได้ มีระเบียบแบบแผน
   
          ๑. ภาษาไทยเป็นภาษาคำโดด คำพยางค์เดียวเช่น คำที่เกี่ยวกับญาติพี่น้อง ได้แก่ พ่อ แม่ ปู่ ย่า

          ๒.ภาษาไทยมีคำลักษณนามที่ใช้บอกลักษณะของคำนาม เพื่อให้ทราบสัดส่วนรูปพรรณสัณฐาน เช่น ใช้ วง เป็นลักษณนามของแหวน นามวลีที่มี ลักษณนามอยู่ด้วย จะมีการเรียงคำแบบ นามหลัก + คำบอกจำนวน + คำลักษณนาม   เช่น แมว ๓ ตัว


           ๓.การเรียงคำแบบ  ประธาน กริยา กรรม ภาษาไทยเรียงคำแบบประธาน กริยา กรรม เมื่อนำคำมาเรียงกันเป็นประโยค ประโยคทั่ว ๆ ไปในภาษาจะมีลักษณะสามัญ จะมีการเรียงลำดับ


           ๔. ภาษาวรรณยุกต์ ภาษาไทยเป็นภาษาวรรณยุกต์ ภาษาวรรณยุกต์เป็นภาษาที่มีการไล่เสียงของคำ ในภาษาไทยมีการไล่เสียงวรรณยุกต์ หรือการผันวรรณยุกต์ ได้ ๕ เสียง ได้แก่ เสียงสามัญ เสียงเอก เสียงโท เสียงตรี และเสียงจัตวา การที่ภาษาไทยผันไล่เสียงได้นี้ ทำให้มีคำใช้มากขึ้น การไล่เสียงสูง ต่ำ ทำให้ความหมายของคำเปลี่ยนไปด้วย เช่น มา  ม้า  หมา มีความหมายแตกต่างกัน  ถ้าออกเสียง คำว่า ม้า เป็น หมา  ความหมายก็จะเปลี่ยนไปด้วย 


            ๕. เสียงสระ พยัญชนะ วรรณยุกต์เป็นหน่วยภาษา ภาษาไทยมีเสียงสระ พยัญชนะและวรรณยุกต์เป็นหน่วยภาษา หน่วยเสียงที่ใช้ในภาษาไทยแบ่งได้เป็น ๓ ประเภท คือ หน่วยเสียงสระ หน่วยเสียงพยัญชนะ และหน่วยเสียงวรรณยุกต์ หน่วยเสียง เป็นเสียงสำคัญที่ใช้ในภาษาใดภาษาหนึ่ง เป็นเสียงซึ่งทำให้คำมีความหมายต่างกันได้ 


             สระมีทั้งหมด ๓๒ ตัว
อะ อา อิ อี อึ อื อุ อู เอะ เอ แอะ แอ โอะ โอ เอาะ ออ เออะ เออ เอียะ เอีย เอือะ เอือ อัวะ อัว
ฤ ฤา ฦ ฦา อำ ใอ ไอ เอา

             สระเกิน คือ
     สระเกิน เป็นรูปสระที่มีเสียงพยัญชนะร่วมอยู่ด้วย(พยัญชนะที่ว่านี้เป็นได้ทั้งพยัญชนะที่ทำหน้าที่เป็นตัวสะกดและพยัญชนะที่ทำหน้าที่เป็นพยัญชนะต้น มีทั้งหมด ๘ เสียง ดังนี้
              ๑)    รูป  ำ        มีเสียง     อะ+ม
              ๒)    รูป  ใ           มีเสียง     อะ+ย
              ๓)    รูป  ไ           มีเสียง     อะ+ย
              ๔)    รูป  เ-า        มีเสียง     อะ+ว
              ๕)    รูป  ฤ          มีเสียง     ร+อึ,  ร+อิ,  ร+เออ
              ๖)    รูป  ฤๅ        มีเสียง     ร+อือ
              ๗)    รูป  ฦ          มีเสียง     ล+อึ
              ๘)    รูป  ฦๅ        มีเสียง     ล+อือ

                                  พยัญชนะไทยมีทั้งหมด ๔๔ รูป
                        ก ฅ      ฆ
                         ฏ    ฐ
                         น      บ
                         ร       ล
                          

                                   พยัญชนะมี ๒๑ เสียง
                         
                         ข ฃ ค ต ฆ
                         ง
                         
                         ฉ ช ฌ
                         ซ ศ ษ ส
                         ญ ย
                         ฎ ด 
                         ฑ 
                         ฏ ต
                         ฐ ถ ฑ ฒ ท ธ
                         น ณ
                         บ
                         ป
                         ผ พ ภ
                         ฝ ฟ
                         ม
                         ร
                         ล ฬ
                         ว
                         ห ฮ
                         อ 

     เสียงวรรณยุกต์  

     เสียงวรรณยุกต์ คือ เสียงที่เปล่งออกมามีระดับสูงต่ำต่างกัน ทำให้ความหมายต่างกัน ด้วยซึ่งเป็นเสียงที่เกิดกับเสียงสระและเสียงพยัญชนะวรรค วรรณยุกต์ไทย มี ๕ เสียง ๔ รูป คือ

เสียง   เสียงสามัญ   เสียงเอก   เสียงโท   เสียงตรี   เสียงจัตวา


 รูป           -                 ่              ้               ๊            ๋


                                        หน้าที่ของคำ
                              ๑. คำนาม
                              ๒. คำสรรพนาม
                              ๓. คำกริยา
                              ๔. คำวิเศษณ์
                              ๕. คำบุพบท
                              ๖. คำสันธาน
                              ๗. คำอุทาน

     ภาษาเขียนมีวรรคตอน ภาษาพูดมีจังหวะ ด้วยเหตุที่ภาษาไทยมีวิธีเขียนคำต่อคำต่อกันไม่มีการเว้นระยะระหว่างคำ ต่อเมื่อจบความจึงมีการเว้นวรรค วรรคตอนเป็นเรื่องสำคัญในภาษาไทย ในเรื่องการแบ่งความ การเขียนถ้าเว้นวรรคตอนผิดทำให้เสียความหรือความเปลี่ยนไป ในการพูดต้องเว้นวรรคเว้นจังหวะให้ถูกที่ เช่นเดียวกับการหยุดผิดจังหวะ ความก็เปลี่ยนไปมากกว่า ทั้งนี้เพราะถ้อยคำที่ณัฐพงษ์กล่าวเป็นภาษากวี  น่าจะอยู่ในวรรณคดีมากกว่า

     ระดับของภาษา

  ๑. ภาษาระดับพิธีการ เป็นภาษาที่ใช้สื่อสารในการพิธี เช่น การกล่าวสุนทรพจน์ 
มีลักษณะการใช้ถ้อยคำที่ไพเราะสละสลวย  ให้ความรู้สึกจรรโลงใจ  ใช้วิธีอ่านต่อหน้าที่ประชุม

  ๒. ภาษาระดับทางการ  ใช้ในโอกาสทางการแต่ไม่ถึงกับเป็นพิธีการ  เช่น การประชุมสภา  จดหมายราชการ  การทำรายงาน  ข้อสอบ  หนังสือแบบเรียน มีลักษณะการใช้ถ้อยคำที่แจ่มชัด  ตรงประเด็น 

  ๓. ภาษาระดับกึ่งทางการ  ใช้ในการประชุมขนาดเล็ก  การบรรยายในห้องเรียน  บทความในหนังสือพิมพ์ มีลักษณะการใช้ถ้อยคำที่ทำให้รู้สึกคุ้นเคยมากขึ้น  มีศัพท์วิชาการเท่าที่จำเป็น
  
  ๔. ภาษาระดับสนทนา (ไม่เป็นทางการ)  ใช้ในการสนทนาระหว่างบุคคลต่างฐานะ  ไม่คุ้นเคยกัน  หรือต้องระมัดระวังเรื่องมารยาท  เช่น  นักเรียนพูดกับอาจารย์หรือญาติผู้ใหญ่  บทความในหนังสือพิมพ์ที่ไม่ใช่เรื่องวิชาการ  การพูดในที่ชุมชน
  
  ๕. ภาษาระดับกันเอง  ใช้พูดคุยระหว่างคนที่สนิทสนมกัน  มีความเป็นกันเองมาก  ไม่ต้องระวังเรื่องความสุภาพ  อาจใช้คำภาษาถิ่น  คำแสลง  คำย่อ  เช่น การใช้ถ้อยคำสื่อสารกันในอินเตอร์เน็ตของวัยรุ่น



วันศุกร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2556

Work 3 สรุปความรู้ที่เรียน วิชา ภาษาและเทคโนโลยีสำหรับครู

สรุปความรู้ที่เรียน วิชา ภาษาและเทคโนโลยีสำหรับครู  
          
          แนวคิดเกี่ยวกับถิ่นกำเนิดของชนชาติไทย ประกอบด้วยแนวคิดทั้งหลายซึ่งอธิบายถึงถิ่นกำเนิดของชนชาติไทที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยปัจจุบัน โดยมีอยู่หลากหลายแนวคิด เช่น
1. กลุ่มที่เชื่อว่าถิ่นกำเนิดคนไทยอยู่ในบริเวณมณฑลเสฉวน ประเทศจีน
2. กลุ่มที่เชื่อว่าถิ่นกำเนิดคนไทยอยู่แถบเทือกเขาอัลไต ทางตอนเหนือของประเทศจีน
3.กลุ่ม ที่เชื่อว่าไทยมีถิ่นกำเนิดกระจัด กระจายทั่วไปในบริเวณตอนใต้ของจีนและทางเหนือของภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียง ใต้ ตลอดจนแคว้นอัสสัมของอินเดีย
4. กลุ่มที่เชื่อว่าถิ่นเดิมของไทยอยู่บริเวณประเทศไทยปัจจุบัน
5. กลุ่มที่เชื่อว่า ถิ่นเดิมของไทยอาจอยู่ทางบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย

          อาจารย์ได้กล่าวถึงกรณีที่ 3 กลุ่ม ที่เชื่อว่าไทยมีถิ่นกำเนิดกระจัด กระจายทั่วไปในบริเวณตอนใต้ของจีนและทางเหนือของภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียง ใต้ ตลอดจนแคว้นอัสสัมของอินเดีย


          คนไทยนั้นอยู่ทางตอนใต้ของจีนแถบเทือกเขาอัลไต รักสงบ(ถึงได้อยุ่แถวน้ัน -_-)อยู่ จนถูกรุกรานเรื่อยมาจนต้องอพยพ แยกย้ายกันออกไปในที่ต่างๆ ไล่ลงมามีทั้ง ไทยอาหม ไทยน้อย ไทยใหญ่


          มีวงเวียนใหญ่สองวงเวียน

     1. วงเวียนเทพสตรี
     2. วงเวียนวงเวียนศรีสุริโยทัย
         * ศาลพระกาฬ สมัยก่อนเรียกว่า อโรคยาศาลา
         * จังหวัดลพบุรีซ้อนกัน 3 เมือง
   
  วัจนภาษา คือ ภาษาที่พูดโดยใช้เสียง สร้างความเข้าใจซึ่งกันและกัน
  อวัจนภาษา คือ ภาษาที่ใช้การแสดงท่าทาง เพื่อสื่อสาร

วันพุธที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2556

Work 2 ภาษา

      
ภาษา

          คําว่า “ภาษา” หมายถึง ถ้อยคําที่ใช้พูดหรือเขียน เพื่อสื่อความของชนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง (พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.๒๕๔๒, ๒๕๔๖: ๘๒๒) เช่น ภาษาไทย ภาษาจีน เป็นต้น
          ประเภทของภาษา ภาษาแบ่งตามลักษณะการสื่อสารได้ ๒ ประเภท  ได้แก่
          ๑. วัจนภาษา คือ ภาษาที่ใช้ถ้อยคําในการสื่อสาร ได้แก่ ภาษาพูด และภาษาเขียน
          ๒. อวัจนภาษา คือ ภาษาที่ไม่ใช่ถ้อยคําในการสื่อสาร ได้แก่ ภาษาท่าทาง ภาษาหนาต้า
ภาษามือ และภาษาสัญลักษณะ องค์ประกอบของภาษา
          ภาษามีองค์ประกอบ ๔ เรื่อง คือ
          ๑. เสียง เกิดจากการเปล่งเสียงแทนพยางค์ และคํา
          ๒. พยางค์และคํา เกิดจากการประสมพยัญชนะ สระ วรรณยุกต์
          ๓. ประโยค เกิดจากการนําคํามาเรียงกันตามลักษณะ โครงสร้างของภาษาที่กําหนดเป็นกฎเกณฑ์หรือเป็นระบบไวยากรณ์ของแต่ละภาษา
          ๔. ความหมาย คือ ความหมายที่เกิดจากคําหรือประโยคเพื่อใช้ในการสื่อสารทําความเข้าใจกัน

          ความสำคัญของภาษา

        ภาษาเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องมีการถ่ายทอด การเรียนรู้จึงจะสามารถใช้ และ  สื่อความหมายกันได้
ดังนั้นภาษาจึงมีความสำคัญต่อการเรียนรู้และได้กล่าวถึงลักษณะสำคัญของภาษาไว้ดังนี้

          ๑.มนุษย์สามารถใช้ภาษาในการติดต่อทำความเข้าใจกันได้ กล่าวคือ สามารถใช้ภาษาแสดงความต้องการทางร่างกายและจิตใจด้วย
          ๒.มนุษย์ใช้ภาษาเป็นกิจกรรมสำคัญและจำเป็นในการดำรงชีวิต
          ๓.ภาษาเป็นทักษะที่ต้องเรียนรู้และฝึกฝน โดยเน้นการฝึกฝนที่ถูกวิธีเพื่อให้สอดคล้องกับการดำเนินชีวิตในประจำวัน
          ๔.ภาษาเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นในสังคม เพราะต้องใช้ในการติดต่อสื่อสารและมีการแลก
เปลี่ยนวัฒนธรรม
          ๕.ภาษามีความสำคัญต่อบุคคลเพราะการที่บุคคลรู้จักใช้ภาษาได้ดีขึ้นย่อมได้รับการยกย่อง
จากสังคม
           จะเห็นได้ว่า  ภาษามีความสำคัญกับชีวิตคนเรามาก  เพราะฉะนั้นในการจัดการเรียนการสอน
เพื่อให้นักเรียนได้เรียนรู้การใช้ภาษาได้ดีขึ้นครูต้องรู้จักหลักในการจัดประสบการณ์ทางภาษาทั้งนี้เพื่อเด็กจะได้เกิดทักษะในการใช้ภาษาที่ดีต่อไป

          วิวัฒนาการของภาษา


          ราว พ.ศ. ๔๐๐ ไทยได้อพยพจากถิ่นเดิมมาตั้งภูมิลำเนาอยู่ใกล้อาณาเขตมอญซึ่งกำลัง
เป็นชาติที่เจริญรุ่งเรืองในสมัยนั้น เริ่มแรกคงเริ่มเลียนแบบตัวอักษรมาจากมอญ ต่อมาราว
พ.ศ. ๑๕๐๐ เมื่อขอม ขยายอำนาจเข้ามาในดินแดนของคนไทยซึ่งตั้งอยู่บริเวณริมแม่น้ำยม
และได้ปกครองเมืองเชรียงและเมืองสุโขทัย ไทยก็เริ่มดัดแปลงอักษรที่มีอยู่เดิมให้คล้ายกับอักษรขอมหวัดอักษรมอญและอักษรขอมที่เรานำมาดัดแปลงใช้นั้นล้วนแปลงรูปมาจากอักษรพราหม์ของพวกพราหมณ์ซึ่งแพร่หลายใน อินเดียตอนเหนือ และอักษรสันสกฤตในสมัยราชวงศ์ปัลลวะ ซึ่งแพร่หลายบริเวณอินเดียตอนใต้อักษรอินเดียทั้งคู่นี้ต่างก็รับแบบมาจากอักษรฟินิเชียนอีกชั้นหนึ่งอักษรเฟนีเซียนับได้ว่าเป็นอักษรที่เก่าแก่ที่สุด และเป็นแม่แบบตัวอักษรของชาติต่างๆทั้งในเอเชียและยุโรป

          ราว พ.ศ. ๑๘๒๖ พ่อขุนรามคำแหงทรงประดิษฐ์อักษรไทยที่เรียกกันว่า"ลายสือไทย" ขึ้น ซึ่งได้เค้ารูปจากอักษรอินเดียฝ่ายใต้ รวมทั้งอักษรมอญและเขมรที่มีอยู่เดิม (ซึ่งต่างก็ถ่ายแบบมาจากอักษรอินเดียฝ่ายใต้ทั้งสิ้น) ทำให้อักษรไทยมีลักษณะคล้ายคลึงกับอักษรทั้งสาม แม้บางตัวจะไม่คล้ายกัน แต่ก็สามารถรู้ได้ว่าดัดแปลงมาจากอักษรตัวไหน   อักษรไทยมีการปรับปรุงอยู่เรื่อยๆ ในสมัยพญาฦๅไทราว พ.ศ. ๑๙๐๐ มีการแก้ไขตัวอักษรให้ผิดเพี้ยนไปบ้างเล็กน้อย โดยเฉพาะการเพิ่มเชิงที่ตัว ญ ซึ่งใช้ติดต่อเรื่อยมาจนทุกวันนี้ คาดว่าน่าจะเอาอย่างมาจากเขมร ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช

        ราว พ.ศ. ๒๒๒๓ ตัวอักษรเริ่มมีทรวดทรงดีขึ้นแต่ก็ไม่ทิ้งเค้าเดิม มีบางตัวเท่านั้นที่แก้ไขผิดไปจากเดิม คือตัว ฎ และ ธ ซึ่งเหมือนกับที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน นักวิชาการจำนวนหนึ่งเชื่อว่าในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ตัวอักษรและการใช้งานมีความคล้ายคลึงกับในปัจจุบันมากที่สุด

วันอังคารที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2556

Work 1 แปล


นางสาว น้ำเพ็ชร รอดกำเนิด 56115550107













ความหมายของชื่อ

          น้ำ คือ ความแวววาว (ใช้แก่รัตนชาติ)
เพชร คำว่า เพชร ในภาษาไทย มาจาก वज्र (วชฺร) ในภาษาสันสกฤต หมายถึง สายฟ้า หรืออัญมณีชนิดนี้ก็ได้ ส่วนในภาษาอังกฤษ "diamond" มีรากศัพท์มาจากภาษากรีกโบราณ αδάμας (adámas) ซึ่งมีความหมายว่า "สมบูรณ์" "เปลี่ยนแปลงไม่ได้" "แข็งแกร่ง" "กล้าหาญ" "เอาชนะ" 
     ดังนั้น "น้ำเพ็ชร" จึงหมายความว่า ความแข็งแกร่งดุงดั่งเพชรที่มีความแวววาว (เพชรที่แข็งแกร่งจะมีเหลี่ยมและแวววาวระยิบระยับ) ชื่อนี้พ่อเป็นคนตั้งให้โดยเอาชื่อทั้งของพ่อและของแม่มารวมกัน นำน้ำมาจากชื่อแม่ และนำ พ พานมาจากชื่อของพ่อ ท่านไม่ทราบความหมาย