ภาษา หมายถึง กริยาอาการที่แสดงออกมาแล้วสามารถทำความเข้าใจกันได้ มีระเบียบแบบแผน
๑. ภาษาไทยเป็นภาษาคำโดด คำพยางค์เดียวเช่น คำที่เกี่ยวกับญาติพี่น้อง ได้แก่ พ่อ แม่ ปู่ ย่า
๒.ภาษาไทยมีคำลักษณนามที่ใช้บอกลักษณะของคำนาม เพื่อให้ทราบสัดส่วนรูปพรรณสัณฐาน เช่น ใช้ วง เป็นลักษณนามของแหวน นามวลีที่มี ลักษณนามอยู่ด้วย จะมีการเรียงคำแบบ นามหลัก + คำบอกจำนวน + คำลักษณนาม เช่น แมว ๓ ตัว
๓.การเรียงคำแบบ ประธาน กริยา กรรม ภาษาไทยเรียงคำแบบประธาน กริยา กรรม เมื่อนำคำมาเรียงกันเป็นประโยค ประโยคทั่ว ๆ ไปในภาษาจะมีลักษณะสามัญ จะมีการเรียงลำดับ
๔. ภาษาวรรณยุกต์ ภาษาไทยเป็นภาษาวรรณยุกต์ ภาษาวรรณยุกต์เป็นภาษาที่มีการไล่เสียงของคำ ในภาษาไทยมีการไล่เสียงวรรณยุกต์ หรือการผันวรรณยุกต์ ได้ ๕ เสียง ได้แก่ เสียงสามัญ เสียงเอก เสียงโท เสียงตรี และเสียงจัตวา การที่ภาษาไทยผันไล่เสียงได้นี้ ทำให้มีคำใช้มากขึ้น การไล่เสียงสูง ต่ำ ทำให้ความหมายของคำเปลี่ยนไปด้วย เช่น มา ม้า หมา มีความหมายแตกต่างกัน ถ้าออกเสียง คำว่า ม้า เป็น หมา ความหมายก็จะเปลี่ยนไปด้วย
๕. เสียงสระ พยัญชนะ วรรณยุกต์เป็นหน่วยภาษา ภาษาไทยมีเสียงสระ พยัญชนะและวรรณยุกต์เป็นหน่วยภาษา หน่วยเสียงที่ใช้ในภาษาไทยแบ่งได้เป็น ๓ ประเภท คือ หน่วยเสียงสระ หน่วยเสียงพยัญชนะ และหน่วยเสียงวรรณยุกต์ หน่วยเสียง เป็นเสียงสำคัญที่ใช้ในภาษาใดภาษาหนึ่ง เป็นเสียงซึ่งทำให้คำมีความหมายต่างกันได้
สระมีทั้งหมด ๓๒ ตัว
อะ อา อิ อี อึ อื อุ อู เอะ เอ แอะ แอ โอะ โอ เอาะ ออ เออะ เออ เอียะ เอีย เอือะ เอือ อัวะ อัว
ฤ ฤา ฦ ฦา อำ ใอ ไอ เอา
สระเกิน คือ
สระเกิน เป็นรูปสระที่มีเสียงพยัญชนะร่วมอยู่ด้วย(พยัญชนะที่ว่านี้เป็นได้ทั้งพยัญชนะที่ทำหน้าที่เป็นตัวสะกดและพยัญชนะที่ทำหน้าที่เป็นพยัญชนะต้น มีทั้งหมด ๘ เสียง ดังนี้
๑) รูป ำ มีเสียง อะ+ม
๒) รูป ใ มีเสียง อะ+ย
๓) รูป ไ มีเสียง อะ+ย
๔) รูป เ-า มีเสียง อะ+ว
๕) รูป ฤ มีเสียง ร+อึ, ร+อิ, ร+เออ
๖) รูป ฤๅ มีเสียง ร+อือ
๗) รูป ฦ มีเสียง ล+อึ
๘) รูป ฦๅ มีเสียง ล+อือ
พยัญชนะไทยมีทั้งหมด ๔๔ รูป
ก ข ฃ ค ฅ ฆ ง จ ฉ ช
ซ ฌ ญ ฎ ฏ ฐ ฑ ฒ ณ ด
ต ถ ท ธ น บ ป ผ ฝ พ
ฟ ภ ม ย ร ล ว ศ ษ ส
ห ฬ อ ฮ
พยัญชนะมี ๒๑ เสียง
ก
ข ฃ ค ต ฆ
ง
จ
ฉ ช ฌ
ซ ศ ษ ส
ญ ย
ฎ ด
ฑ
ฏ ต
ฐ ถ ฑ ฒ ท ธ
น ณ
บ
ป
ผ พ ภ
ฝ ฟ
ม
ร
ล ฬ
ว
ห ฮ
อ
เสียงวรรณยุกต์
เสียงวรรณยุกต์ คือ เสียงที่เปล่งออกมามีระดับสูงต่ำต่างกัน ทำให้ความหมายต่างกัน ด้วยซึ่งเป็นเสียงที่เกิดกับเสียงสระและเสียงพยัญชนะวรรค วรรณยุกต์ไทย มี ๕ เสียง ๔ รูป คือ
เสียง เสียงสามัญ เสียงเอก เสียงโท เสียงตรี เสียงจัตวา
รูป - ่ ้ ๊ ๋
หน้าที่ของคำ
๑. คำนาม
๒. คำสรรพนาม
๓. คำกริยา
๔. คำวิเศษณ์
๕. คำบุพบท
๖. คำสันธาน
๗. คำอุทาน
ภาษาเขียนมีวรรคตอน ภาษาพูดมีจังหวะ ด้วยเหตุที่ภาษาไทยมีวิธีเขียนคำต่อคำต่อกันไม่มีการเว้นระยะระหว่างคำ ต่อเมื่อจบความจึงมีการเว้นวรรค วรรคตอนเป็นเรื่องสำคัญในภาษาไทย ในเรื่องการแบ่งความ การเขียนถ้าเว้นวรรคตอนผิดทำให้เสียความหรือความเปลี่ยนไป ในการพูดต้องเว้นวรรคเว้นจังหวะให้ถูกที่ เช่นเดียวกับการหยุดผิดจังหวะ ความก็เปลี่ยนไปมากกว่า ทั้งนี้เพราะถ้อยคำที่ณัฐพงษ์กล่าวเป็นภาษากวี น่าจะอยู่ในวรรณคดีมากกว่า
ระดับของภาษา
๑. ภาษาระดับพิธีการ เป็นภาษาที่ใช้สื่อสารในการพิธี เช่น การกล่าวสุนทรพจน์
มีลักษณะการใช้ถ้อยคำที่ไพเราะสละสลวย ให้ความรู้สึกจรรโลงใจ ใช้วิธีอ่านต่อหน้าที่ประชุม
๒. ภาษาระดับทางการ ใช้ในโอกาสทางการแต่ไม่ถึงกับเป็นพิธีการ เช่น การประชุมสภา จดหมายราชการ การทำรายงาน ข้อสอบ หนังสือแบบเรียน มีลักษณะการใช้ถ้อยคำที่แจ่มชัด ตรงประเด็น
๓. ภาษาระดับกึ่งทางการ ใช้ในการประชุมขนาดเล็ก การบรรยายในห้องเรียน บทความในหนังสือพิมพ์ มีลักษณะการใช้ถ้อยคำที่ทำให้รู้สึกคุ้นเคยมากขึ้น มีศัพท์วิชาการเท่าที่จำเป็น
๔. ภาษาระดับสนทนา (ไม่เป็นทางการ) ใช้ในการสนทนาระหว่างบุคคลต่างฐานะ ไม่คุ้นเคยกัน หรือต้องระมัดระวังเรื่องมารยาท เช่น นักเรียนพูดกับอาจารย์หรือญาติผู้ใหญ่ บทความในหนังสือพิมพ์ที่ไม่ใช่เรื่องวิชาการ การพูดในที่ชุมชน
๕. ภาษาระดับกันเอง ใช้พูดคุยระหว่างคนที่สนิทสนมกัน มีความเป็นกันเองมาก ไม่ต้องระวังเรื่องความสุภาพ อาจใช้คำภาษาถิ่น คำแสลง คำย่อ เช่น การใช้ถ้อยคำสื่อสารกันในอินเตอร์เน็ตของวัยรุ่น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น